วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2552

กรดอัลฟาไลโปอิก คืออะไร (What is Alpha Lipoic Acid?)



กรดอัลฟาไลโปอิก (Alpha Lipoic Acid ; ALA) เรียกสั้นๆว่ากรดไลโปอิก หรือบางคนรู้จักในชื่อ Thioctic acid มีชื่อทางเคมี คือ 5-(1,2-dithiolan-3-yl)pentanoic acid
กรดอัลฟาไลโปอิกเป็นสารอาหารประเภทหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายวิตามิน โดยทำหน้าที่เป็น Coenzyme ในขบวนการเผาผลาญน้ำตาล และสารอาหารอื่น ๆ ให้เป็นพลังงาน โดยปกติร่างกายเราสามารถสังเคราะห์กรดอัลฟาไลโปอิคได้เองอยู่แล้วในปริมาณคงที่ ซึ่งร่างกายเราผลิตได้ในจำนวนที่เพียงพอต่อการช่วยไมโตคอนเดรียเปลี่ยนกลูโคสไปเป็นพลังงานเท่านั้น ไม่ได้ผลิตให้เหลือพอที่จะใช้ต่อต้านความเสื่อมชราของเซลล์ หรือเพิ่มภูมิคุ้มกันโรคให้กับร่างกาย  เนื่องจากกรดอัลฟาไลโปอิคมีบทบาทหลักในการย่อยเผาผลาญน้ำตาลให้เป็นพลังงาน จึงมีผลช่วยให้การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดเป็นไปได้ดีขึ้น  นอกจากนี้กรดอัลฟาไลโปอิก ยังได้รับการขนานนามว่าเป็น “Universal Antioxidant” เนื่องจากเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่แรง และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นๆ เช่น วิตามินซี, อี, Glutathione หรือ Co-enzyme Q10 ให้กลับมาอยู่ในรูปที่ใช้งานได้อีก หลังจากที่ใช้ในการกำจัดอนุมูลอิสระไปแล้ว ด้วยคุณสมบัติของกรดอัลฟาไลโปอิก คือ สามารถละลายได้ทั้งในน้ำและน้ำมัน สามารถซึมผ่านเยื่อหุ้มเซลล์เข้าไปในชั้นลึกสุดของเซลล์ระดับ DNAจึงสามารถแทรกซึมไปชะลอความเสื่อมของเซลล์ได้ทั่วเซลล์ในร่างกาย ในขณะที่สารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่นๆ เช่น CoQ10 ที่ละลายได้เพียงในส่วนน้ำมันในร่างกาย ทำให้กรดอัลฟาไลโปอิคมีคุณสมบัติเหนือกว่า 4-5 เท่า และมีฤทธิ์แรงกว่า วิตามินอี และวิตามินซี 50 เท่า



แหล่งอาหารที่มี ALA ( food source )
แหล่งอาหารธรรมชาติที่พบว่ามีกรดอัลฟาไลโปอิคในปริมาณสูง ได้แก่ ยีสต์ , เนื้อแดง, เครื่องใน เช่น หัวใจ, ตับ เป็นต้น
และพบปริมาณน้อยในผักผลไม้บางชนิด เช่น มันฝรั่ง, แครอท, ผักโขม

ประโยชน์ของ ALA ( ฺBenefits)
ประโยชน์

1. ต่อต้านอนุมูลอิสระในเซลล์ได้ทั่วร่างกายและมีฤทธิ์แรงกว่าสารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่นๆ คือมีฤทธิ์แรงกว่า CoQ10 ถึง 4-5 เท่า และแรงกว่าวิตามินอี วิตามินซี 50 เท่า
2. ช่วยทำให้สารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆที่อยู่ในร่างกาย นำกลับมาใช้ใหม่ในร่างกายได้อีกครั้ง เช่น ทำให้กากของวิตามินอี วิตามินซี วิตามินเอ กลูตาไธโอน CoQ10 และอื่นๆ ถูกนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีกครั้ง
3. ช่วยต่อต้านการอักเสบที่ปลายประสาท มีส่วนช่วยเรื่องระดับน้ำตาลในเลือด จึงเป็นสารที่ช่วยบำบัดรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวานได้
4. ช่วยต่อต้านอนุมูอิสระในบริเวณสมองของเราได้ดีที่สุด ช่วยป้องกันโรคทางสมองต่างๆ
5. ลดการอุดตันในหลอดเลือด ป้องกันอาการเส้นเลือดหัวใจตีบ ลดอัตราเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ ทำให้หลอดเลือดแดงที่แข็งเปราะ กลับมาใช้งานได้ตามปกติ
6. ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานในร่างกายได้ดีเยี่ยม กรดอัลฟาไลโปอิกจึงเป็นสารที่อยู่ในโปรแกรมลดน้ำหนักของผู้เชี่ยวชาญด้านการลดน้ำหนักทั่วโลก และยังช่วยลดอนุมูลอิสระระหว่างการออกกำลังกายได้ จึงทำให้ออกกำลังกายได้นานขึ้น
7. ช่วยเพิ่มระดับสารกลูตาไธโอนในตับ จึงช่วยล้างพิษตกค้างในร่างกายออกไปได้อย่างรวดเร็ว และมีผลต่อการลดจุดด่างดำที่ผิวหนัง และชะลอความเสื่อมที่ผิวหนังได้ดีเยี่ยม
8. กรดอัลฟ่าไลโปอิคนอกจากใช้รับประทาน ในต่างประเทศต่างนิยมนำมาผสมในครีมลดริ้วรอย เพราะมีคุณสมบัติชะลอความเสื่อมของเซลล์ได้ดีกว่าสารตัวอื่น มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ลดขนาดรูขุมขน ลดการทำลายจากรังสียูวีได้ดีเยี่ยม
9. ช่วยลดริ้วรอยทำให้ผิวมีสุขภาพดีขึ้น ซึ่งมีการทดลองในกลุ่มตัวอย่างยืนยันว่า กรดอัลฟาไลโปอิกช่วยลดริ้วรอยตื้นๆได้มากกว่า 50% อีกทั้งยังทำให้แผลเป็นเนียนเรียบและหายเร็วขึ้น โดยมีการะคายเคืองน้อยกว่า กรดวิตามินเอ (Tretinoin) วิตามินซี และ AHA
10. เป็น chelating agent โดยกรดอัลฟาไลโปอิกจะไปจับกับสารโลหะหนักในร่างกาย เช่น arsenic, cadmium, lead, mercury แล้วขับออกจากร่างกาย จึงช่วยปกป้องร่างกายไม่ให้ได้รับความเสียหายจากโลหะหนักเหล่านี้ได้
11. ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับผู้ป่วย HIV และช่วยป้องกันร่างกายจากเซลล์มะเร็ง
12. ป้องกันโรคหลอดเลือดแข็งตัว โดยกรดอัลฟาไลโปอิกจะป้องกันการเกิดออกซิเดชั่นของโคเลสเตอรอล ชนิด LDL ( LDL cholesterol)
13. ป้องกันโรคต้อกระจก มีงานวิจัยจาก University of California พบว่าการรับประทานกรดอัลฟาไลโปอิกในปริมาณ 25 mg/kg body weight จะสามารถป้องกันโรคต้อกระจกได้ 60%



ผลกระทบข้างเคียง (side effect)
ผลกระทบข้างเคียง 


1. การรับประทานกรดอัลฟาไลโปอิกในปริมาณเล็กน้อย ( 5 - 20 mg/day) จะไม่มีผลกระทบใดๆต่อร่างกาย ถ้ารับประทานในปริมาณสูง อาจพบอาการเหล่านี้
- คลื่นไส้
- ท้องไส้ปั่นป่วน
- มีอาการอ่อนเพลีย
- ร่ายกายถูกกระตุ้นมากเกินไป ซึ่งอาจทำให้นอนไม่หลับ

2. กรดอัลฟาไลโปอิก มีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด คือทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำลงได้ ดังนั้นในผู้ป่วยโรคเบาหวานควรรับประทานภายใต้คำแนะนำของแพทย์ ซึ่งถ้าผู้ป่วยโรคเบาหวานรับประทานกรดอัลฟาไลโปอิก แพทย์อาจสั่งลดปริมาณของยาอินซูลิน หรือยาลดระดับน้ำตาลในเลือด


เพิ่มเติม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น