วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ให้สารอาหารกับผิวหน้าและร่างกาย เพื่อคืนความอ่อนเยาว์


ให้สารอาหารกับผิวหน้าและร่างกาย เพื่อคืนความอ่อนเยาว์

ริ้วรอยบนผิวหนังของมนุษย์นั้นเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ รวมถึงลักษณะทางพันธุกรรมด้วย การผลิต stem cell ที่ไม่เพียงพอต่อการซ่อมแซมและทดแทนของเนื้อเยื่อ การถูกทำลายด้วยปฎิกิริยาทางเคมีและการเปลี่ยนแปลงทางชีวเคมี แต่การรับประทานอาหารที่เป็นผลไม้มากๆ ผัก และสารอาหารอื่นๆ ที่มีคุณค่าทางอาหาร และรับประทานอาหารเสริม จะพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างช้าๆ ซึ่งเป็นการบำรุงผิวเราไปด้วยในตัว ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไปผิวก็ยังคงเนียนเรียบและไม่มีริ้วรอย
ในขณะที่อายุมากขึ้น สารต่างๆ ในร่างกาย เช่น DHEA และ Alpha Lipoic Acid ก็จะลดลงอย่างต่อเนื่องและเห็นได้ชัด ผลที่ได้ก็คือ ความสมดุลที่ช่วยให้ร่างกายอ่อนเยาว์ก็จะลดลง และเร่งให้แก่เร็วขึ้น การเปลี่ยนแปลงอาหารการกินและการรับประทานอาหารเสริมนั้นก็เพื่อคงความสมดุลให้กับร่างกายที่เคยสร้างความอ่อนเยาว์ และความมีสุขภาพดีให้คงอยู่ต่อไป กินอะไรก็ได้อย่างนั้น และรวมถึงผิวพรรณของเราด้วย

การรับประทานอาหารที่ถูกต้องเหมาะสม และเพิ่มคุณค่าทางอาหารด้วยอาหารเสริมนั้นเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพของเราในหลายด้าน ซึ่งรวมถึงการเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อป้องกันและคงสถานะต่างๆ ทางชีวเคมีอันจะค่อยๆ ลดลงเมื่ออายุมากขึ้น อาหารเสริมที่มีคุณภาพนั้นยังช่วยทำให้ผิวหนังและเส้นผมดีขึ้นด้วย ยกตัวอย่างเช่น Methylsulfonylmethane (MSM) นั้นได้มีการใช้กันมานานแล้วในการเร่งการเจริญเติบโตของขนม้า และวิตามินซีก็จำเป็นต่อการหดตัวของคอลลาเจนและการทำให้ผิวกระชับ
ยาธรรมชาติ : ผักและผลไม้
ร่างกายของมนุษย์เราต้องการสารอาหารที่จำเป็นประมาณ 40 ชนิด และเป็นสารอาหารที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์เองได้ แต่จะได้รับสารอาหารดังกล่าวจากพืช อาหารที่ไม่ผ่านการแปรรูปที่มีส่วนประกอบของผลไม้และผักมากๆนั้น จะช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินและแร่ธาตุเพื่อการเจริญเติบโต และเพื่อให้ได้รับสารต้านอนุมูลอิสระจากอาหารต่างๆ ที่มีประโยชน์ อาหารสำหรับมนุษย์ในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมานั้น การรับประทานอาหารประเภทพืชซึ่งเป็นอาหารที่ให้แคลอรี่ต่ำได้มีการลดปริมาณลงอย่างเห็นได้ชัด ร่างกายของเรานั้นได้รับการออกแบบมาเพื่อให้รับประทานอาหารจำพวกผักและผลไม้เป็นหลัก เช่น กะหล่ำปลี, แอ๊ปเปิ้ล, เบอร์รี่ เป็นต้น
ผลไม้และผักที่มีขายทั่วไปในละแวกที่อยู่อาศัยนั้น ให้ประโยชน์มากมายกว่าการใช้ยาในแง่ของการป้องกันเสียอีก ผักและผลไม้ที่ไม่ผ่านการแปรรูปนั้น มีปริมาณของสารอาหารต่างๆ มากกว่า 600 ชนิด ซึ่งเป็นสารที่มีประโยชน์สำหรับสุขภาพ รวมถึงสาร terpenes, organosulfides, isothiocyanates, indoles, dithiolthiones, polyphenols, flavones, tannins
ผักและผลไม้ยังมีส่วนประกอบของ Carotenoids ซึ่งเป็นแหล่งของวิตามินเอ และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ Carotenoids lutein (มีปริมาณมากในผักโขม และผักใบเขียว) และ Lycopene (พบในมะเขือเทศ) ซึ่งทำหน้าที่ต้านอนุมูลอิสระได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหล่านี้ถือเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากเมื่อเราอายุมากขึ้น ปริมาณของสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายเราก็จะลดน้อยลง และควรจะต้องได้รับเพิ่ม เพื่อลดการถูกทำลายจากอนุมูลอิสระ - - อนุมูลอิสระนั้นเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ เช่น โรคภาวะข้อต่ออักเสบ, โรคหัวใจ, โรคมะเร็ง และความชรา ตัวอย่างดังภาพประกอบ...
สารต้านอนุมูลอิสระ ไม่จำเป็นต้องมีราคาแพง
การใช้อาหารเสริมที่ได้จากสารสกัดจากผลไม้แห้ง และผัก ในปริมาณ 1.5 กรัมนั้นจะลดอัตราผิวถูกทำลายจากผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระจากไขมันในเลือดประมาณ 75% ภายในหนึ่งสัปดาห์ ผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระจากไขมันนั้นถือเป็นตัววัดค่าที่ดีเยี่ยมในการวัดอัตราของผิวที่ถูกทำลายในร่างกาย ในทางตรงข้าม, สารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องผิว เช่น alpha-tocopherol และ lycopene นั้นจะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน อาหารเสริมผลไม้และผักมีส่วนประกอบของผลไม้แห้ง และผงผัก ที่ได้จากแอ๊ปเปิ้ล, ส้ม, สัปปะรด, มะละกอ, แครนเบอร์รี่, พีช, แครอท, พลาสลี่, บีทรูท, บล็อกโคลี่, กะหล่ำเขียว, กะหล่ำปลี, ผักโขม และมะเขือเทศ
น้ำผลไม้สด กับน้ำผลไม้ผ่านการแปรรูป
หลายๆ คนได้รับประทานผักและผลไม้ด้วยการดื่มน้ำผักและผลไม้ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารกล่าวว่า การรับประทานน้ำผลไม้สดที่จัดเตรียมเองนั้นดีต่อสุขภาพมากกว่าน้ำผลไม้ที่ผ่านก่รแปรรูป น้ำผักและผลไม้สดนั้นมีส่วนประกอบของ Hydrogen peroxide ในระดับที่สูง ซึ่งนักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า จะช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันได้โดยธรรมชาติ นมจากหญิงที่เป็นแม่คนนั้นก็มีส่นประกอบของ Hydrogen peroxide ในระดับสูง แต่โชคไม่ดีเลย เนื่องจากปริมาณ Hydrogen peroxide ในน้ำผลไม้จะลดลงอย่างรวดเร็วระหว่างการจัดเก็บ จึงควรดื่มทันทีหลังจากจัดเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว
น้ำตาลและคาร์โบไฮเดรต
การบริโภคน้ำตาลนั้นควรจำกัดปริมาณอย่างเข้มงวด และควรระวังเกี่ยวกับข้อบังคับของ FDA ที่พิจารณาให้ซูโครสเป็นน้ำตาลชนิดเดียว อาหารที่ไม่มีน้ำตาลนั้นอาจประกอบไปด้วยฟรุคโต๊ส, กลูโคส, น้ำเชื่อมข้าวโพดแบบฟรุคโต๊สสูง และกากน้ำตาล ดังที่กล่าวมานี้ถือเป็นน้ำตาลทั้งสิ้น ผลไม้ทั้งลูก, ผัก และเมล็ดข้าวที่ไม่ผ่านการแปรรูปนั้นให้คุณค่าด้านความหวานจากคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน โดยปราศจากผลที่จะทำให้เกิดระดับน้ำตาลในเลือดสูง แต่คาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการแปรรูปเช่นขนมปังขัดขาว, เค้ก, มันฝรั่งและพาสต้า นั้นจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น
กากใยอาหาร
คุณประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของอาหารจำพวกพืชนั้นก็คือ จะมีกากใยอาหารสูง ส่วนใหญ่แล้วชาวอเมริกันนั้นไม่ค่อยได้รับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของไฟเบอร์ในปริมาณที่เพียงพอ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารบางท่านแนะนำว่าเราควรได้รับกากใย 40-50 กรัมต่อวัน โดยประมาณ แต่เฉลี่ยแล้วชาวอเมริกันได้รับเพียง 12 กรัมต่อวัน - - กากใยอาหารนั้นมี 2 ประเภท คือประเภทที่ละลายได้ และละลายไม่ได้ แต่ละประเภทก็จะมีแหล่งที่มาที่ต่างกัน และคุณประโยชน์ก็ต่างกันด้วย กากใยที่ละลายไม่ได้นั้นจะช่วยให้การย่อยดีขึ้น และจะพบได้มากในเปลือกของพืช, ผิวของพืช และส่วนที่เหนียวของพืช กากใยที่ละลายได้ จะช่วยลดไขมันในเลือด (คอเลสเตอรอล) และลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงหัวใจอุดตัน และพบได้ในสาร pectin (คาร์โบไฮเดรตที่มีน้ำหนักโมเลกุลสูงพบในพืชและผลไม้สุก), ข้าวบาร์เลย์ และข้าวโอ๊ต เราสามารถเพิ่มอาหารเหล่านี้เข้าไปในมื้ออาหารของเราได้ (ทั้งประเภทกากใยที่ละลายได้และไม่ได้) โดยการรับประทานอาหารประเภทธัญพืชที่ผ่านกระบวนการขัดสีน้อย และอาหารที่เป็นซีเรียล และผัก
ไม่ใช่แค่วิตามิน แต่เป็นกลุ่มวิตามิน
วิตามินนั้นเป็นสารธรรมชาติที่จำเป็น ในปริมาณเล็กน้อยเพื่อการเจริญเติบโต และบำรุงรักษาสภาพร่างกายของเราให้เป็นปกติ ในแต่ละวิตามินหลัก 6 ชนิด (A, B, C, D, E และ K) ก็จะมีกลุ่มของมัน ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มของวิตามินซี ก็จะประกอบด้วยวิตามินซี 7 รูปแบบเป็นอย่างต่ำ วิตามินอี ก็จะมี 4 รูปแบบ และยังมีญาติที่เป็น tocotrienol วิตามินเอ และเบต้า-แคโรทีน ก็เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มในจำนวนกว่า 400 ตัว จากการวิจัยปัจจุบันนั้นพบว่า การรับวิตามินที่มีหลายๆ อย่างผสมกันอยู่นั้น อาจจะให้ผลดีกว่าการรับวิตามินเดี่ยวๆ
ค่า RDA นั้นเพียงพอแล้วหรือไม่
ค่า RDA ซึ่งเป็นค่าที่แจ้งไว้สำหรับอาหารที่ผ่านการแปรรูปและผลิตภัณฑ์วิตามินเสริมต่าง ๆ ที่จะบอกเปอร์เซ็นต์ของสารอาหารที่จำเป็น 19 ชนิดในการรับประทานต่อครั้ง อย่างไรก็ดี สิ่งที่คนทั่ว ๆ ไปไม่ได้นึกถึงก็คือที่ RDA แจ้งไว้นั้นไม่ได้เป็นค่าที่เหมาะกับคน แต่เป็นค่าของสารอาหารที่น้อยที่สุดที่ต้องการต่อวันในหนูทดลองเพื่อให้บรรลุการผสมพันธุ์ ไม่ได้พิจารณาถึงความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของคนที่มีอายุมากขึ้น และผู้ที่ต้องรักษาโรค เช่นโรคเบาหวาน หรือโรคหัวใจ
ควรจำไว้ว่าค่าที่ได้จาก RDA นั้นก็เป็นเพียงแนวทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออายุมากขึ้น ตารางต่อไปนี้จะช่วยบอกระดับการรับประทานอาหารเสริมบางประเภท เพื่อให้ได้ผลที่สังเกตเห็นได้ในร่างกายของเรา คุณอาจต้องการใช้อาหารเสริมแค่เพียงบางชนิด ขึ้นอยู่กับสุขภาพส่วนตัวของคุณ ตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยที่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบไหลเวียนโลหิตและการหายใจ ควรได้รับประโยชน์จากกรดไขมัน Omega-3 มากกว่าค่าเฉลี่ยในคนทั่วไป อย่างไรก็ดี ควรจำไว้ว่าอาหารเสริมนั้นไม่สามารถทดแทนอาหารที่มีคุณภาพ ซึ่งประกอบไปด้วยสารอาหารมากมายหลายชนิด


สารอาหาร 11 ชนิดเพื่อผิวสวยเนียนใส เปล่งปลั่งและมีสุขภาพดี
1. โปรตีนจากปลาทะเลน้ำลึกในแถบยุโรป (Marine protein)
ช่วย ให้เซลล์ผิวรักษาน้ำหล่อเลี้ยงตามธรรมชาติได้ดีขึ้น และทำให้การผลัดเซลล์ผิวทำงานเป็นปกติเหมือนแรกสาว ทำให้ผิวเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล และยืดหนุ่นได้ดี
2. ไฮโดรไลซ์คอลลาเจน (Hydrolized Collagen)
เป็น สารที่มีคุณประโยชน์เหมือนดปรตีนจากปลาทะเลน้ำลึก แต่มีโมเลกุลขนาดเล็กซึ่งพร้อมให้ร่างกายดูดซึมไปใช้งานได้ทันที ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวอย่างรวดเร็ว ทำให้ผิวเนียนเรียบเต่งตึง
3. สารสกัดจากสมุนไพรสนหางม้า ที่พบในแถบทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ (Horsetail Extact)
เป็นสมุนไพรที่ให้แร่ธาตุ Silicon ช่วยบำรุงผิวพรรณให้มีความกระชับ บำรุงรากผมและเล็บให้แข็งแรงเป็นเงางาม
4. วิตามินอี (Alpha Tocopherol) ที่ได้จากเมล็ดถั่วต่างๆ ไข่แดง และผักใบเขียว
เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิวและลดริ้วรอยแผลเป็น
5. วิตามินซี (Ascorbic Acid) ที่ได้จากผักและผลไม้
เป็น สารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเสริมการทำงานของวิตามินอีให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ให้ผิวเรียบกระชับ ขับความขาวใส
6. สารสกัดจากเปลือกสน (Pine Bark Extract) ที่พบในฝรั่งเศส
เป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูงที่วงการแพทย์ทั่วโลกยอมรับในคุณสมบัติของการลดรอยหมองคล้ำของผิวได้
7. ไบโอฟลาวโวนอยด์ (Bioflavonoid) ที่พบมากในรกส้มและถุงส้ม
ช่วยเสริมการทำงานของวิตามินซี กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และเพิ่มความแข็งแรงของหลอดเลือด ส่งผลให้สุขภาพผิวสดใสดูมีเลือดผาด
8. สารสกัดจากเมล็ดองุ่น (Grape Seed Extract)
ช่วย ให้ระบบหมุนเวียนโลหิตในร่างกายทำงานดีขึ้น ส่งผลให้สารอาหารต่างๆ ไปหล่อเลี้ยงเซลล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คืนความอ่อนเยาให้เซลล์ผิวทั่วเรือนร่าง
9. ไลโคปีน (Lycopene) สารสกัดจากมะเขือเทศ
สามารถ ป้องกันผิวจากภัยร้ายของรังสี UV บรรเทาอาการไหม้เกรียมของผิวที่ถูกแสงแดด และช่วยกระชับผิว คงสภาพผิวไม่ให้หย่อนยานรวมทั้งทำให้ผิวพรรณขาวใสขึ้น
10. เบต้าแคโรทีน (Beta-Carotene) ที่พบในแคอท
เสมือน ปราการคุ้มครองผิวจากแสงแดดได้ตลอดเวลา เสริมประสิทธิภาพการป้องกันผิวจากแสงแดดได้ดียิ่งกว่าการทาโลชั่นกันแดด เพียงอย่างเดียว จึงช่วยแก้ปัญหาผิวหมองคล้ำ และริ้วรอยเหี่ยวย่นก่อนวัย
11. ชาเขียวสกัด (Green Tea Extract) จากจีนและญี่ปุ่น
มี คุณสมบัติพิเศษในการล้างพิษ ช่วยขจัดสิ่งสกปรกที่สะสมตกค้างอยู่ภายในชั้นผิว และช่วยฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพให้กลับสดชื่นมีชีวิตชีวา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น