วันเสาร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2554

วิตามินที่ละลายในน้ำ(Water-Soluble Vitamins)






วิตามินที่ละลายในน้ำ
 

วิตามินเป็นสารอาหารที่จำ เป็นต่อร่างกายของคนเรา เพราะ แม้ว่า ร่างกายต้องการวิตามินไม่มากนัก แต่ก็ขาดไม่ได้ เนื่องจาก จะทำให้มีปัญหาสุขภาพตามมา เช่น ถ้าขาดวิตามินซี จะทำให้เป็นโรคเลือดออกตามไรฟัน  ถ้าขาดวิตามินบี 1 จะทำให้เป็นโรคเหน็บชา ถ้าขาดวิตามินเอ จะทำให้ไม่สามารถมองเห็นในที่มืด เป็นต้น
นักวิชาการแบ่งวิตามินออกเป็น 2 ชนิดตามคุณสมบัติของวิตามิน ชนิดแรกคือวิตามินที่ละลายในน้ำ ร่างกายจะนำวิตามินไปใช้ประโยชน์ได้ต้องมีน้ำเป็นตัวพาไป ได้แก่ วิตามินบีรวม และวิตามินซี
วิตามินอีกชนิดหนึ่งคือ วิตามินที่ละลายในน้ำมัน   วิตามินชนิดนี้ ร่างกายจะนำไปใช้ประโยชน์ได้ต้องมีน้ำมันเป็นตัวนำ วิตามินในกลุ่มนี้ ได้แก่ วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี และวิตามินเค (อ้างอิงที่ 1)
วิตามินบีรวมประกอบด้วยวิตามินบีหลายตัว ที่รู้จักแพร่หลายคือ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 6 วิตามินบี 12 โฟเลต และไนอะซิน วิตามินกลุ่มนี้ แม้ว่าจะบริโภคเกินความต้องการในแต่ละวัน ก็จะไม่มีอันตราย เนื่องจาก ร่างกายจะไม่สะสมให้เกิดผล เสียต่อสุขภาพ เนื่องจากวิตามินกลุ่มนี้มีคุณสมบัติละลายในน้ำ เมื่อได้รับมากเกินไปร่างกายก็จะขับออกเองได้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดทำบัญชี แสดงปริมาณของวิตามินที่ละลายในน้ำที่แนะนำให้ควรบริโภคประจำวันสำหรับคนไทย อายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป (Thai Recommended Daily Intakes หรือThai RDI) รวมถึงข้อความกล่าวอ้างเกี่ยวกับหน้าที่ของของวิตามินที่ละลายในน้ำแต่ละตัว ตามรายละเอียดในตารางที่ 1
ตารางที่ 1: แสดงปริมาณของวิตามินที่ละลายในน้ำที่แนะนำให้บริโภคต่อ 1 วันสำหรับคนไทย อายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป และข้อความกล่าวอ้างเกี่ยวกับหน้าที่ของสารอาหาร ของวิตามินที่ละลายในน้ำ
วิตามิน
ที่ละลายในน้ำ
ปริมาณที่แนะนำ
ให้บริโภคต่อ 1 วัน
ข้อความกล่าวอ้างเกี่ยวกับ
หน้าที่ของสารอาหาร
วิตามินบี 1
(Thiamin)
1.5 มิลลิกรัม (mg)
- ช่วยให้ร่างกายได้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรต
-
มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ
วิตามินบี 2
(Riboflavin)
1.7 มิลลิกรัม (mg)
- ช่วยให้ร่างกายได้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน
ไนอะซิน (Niacin)
หรือวิตามินบี 3
20 มิลลิกรัม เอ็น อี
(mg NE)
- ช่วยให้เยื่อบุทางเดินอาหารและผิวหนังอยู่ในสภาพปกติ
-
ช่วยให้ร่างกายได้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน
กรดแพนโทธินิค (Pantothenic Acid)
หรือวิตามินบี 5
6 มิลลิกรัม (mg)
- ช่วยในการใช้ประโยชน์ (เมตาบอลิซึม) ของไขมัน และคาร์โบไฮเดรต
-
ช่วยในการใช้ประโยชน์ของไขมันและคาร์โบไฮเดรต
-
ช่วยในการเมตาบอลิซึมของไขมันและคาร์โบไฮเดรต
วิตามินบี 6
(Vitamin B6)
2 มิลลิกรัม (mg)
- มีส่วนช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงให้สมบูรณ์
-
มีส่วนช่วยสร้างสารที่จำเป็นในการทำงานของระบบประสาท
โฟเลต (Folate)
หรือวิตามินบี 9
200 ไมโครกรัม (μg)
- มีส่วนสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดง
วิตามินบี 12
(Vitamin B12)
2 ไมโครกรัม (μg)
- มีส่วนช่วยสร้างสารที่จำเป็นในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง
-
มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาทและสมอง
วิตามินซี
(Vitamin C)
60 มิลลิกรัม (mg)
- ช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง
-
มีส่วนช่วยในกระบวนการต่อต้านอนุมูลอิสระ
-
มีส่วนช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจน และเนื้อเยื่อของเอ็นกระดูกอ่อน
(อ้างอิงที่ 2-3)
นอกจากนี้โคลีน (Choline) ซึ่งเป็นสารอาหารอีกตัวที่ละลายในน้ำ และมักจะถูกจัดเข้าไปอยู่ในกลุ่มเดียวกับวิตามินบีรวม โคลีนเป็นสารตั้งต้นหลักในการสังเคราะห์สารสื่อประสาทที่มีชื่อว่า อะเซททิลโคลีน (Acetylcholine) ทำหน้าที่เป็นสารสื่อประสาทสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความจำ การควบคุมกล้ามเนื้อ และหน้าที่อื่นๆอีกหลายอย่าง ปริมาณที่เพียงพอต่อร่างกายใน 1 วัน (Adequate Intake) สำหรับผู้ใหญ่ เพศชาย และ หญิง คือ 550 mg และ 425 mg ตามลำดับ (อ้างอิงที่ 4)
วิตามินเหล่านี้ มีอยู่ในอาหารต่างๆอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากภาวะรีบเร่งในชีวิตประจำวันส่งผลทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยน ไป ดังนั้นโอกาสที่จะได้รับประทานอาหารที่หลากหลายครบ 5 หมู่จึงเป็นไปได้ยาก เช่น ผู้ที่ทำงานในสำนักงาน ช่วงเช้ารีบเร่งจนไม่ได้รับประทานอาหารเช้า กลางวันก็มักจะรับประทานอาหารจานเดียว เป็นต้น ดังนั้น ทางเลือกหนึ่งที่ช่วยป้องกันให้ไม่ขาดสารอาหารเหล่านี้คือ รับประทานเครื่องดื่มที่มีการเติมสารอาหารเหล่านี้ลงไป หรืออาจรับประทานในรูปของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อย่างไรก็ตาม ไม่แนะนำให้รับประทานผลิตภัณฑ์ที่เป็นยา เนื่องจากจะมีปริมาณของวิตามินสูงมาก ซึ่งทั่วๆไปนั้น มักจะใช้รักษาผู้ป่วยที่แสดงอาการ ของการขาดวิตามิน แล้วเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง :
    • วิตามิน...กินให้เป็น (ตอนที่ 1). ฝ่ายเทคโนโลยีอาหาร สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.). http://www.tistr-foodprocess.net/food_health/food_health18.htm
    • ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 182 ) พ.ศ.2541 เรื่อง ฉลากโภชนาการ. สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข
    • ประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง การแสดงข้อความกล่าวอ้างเกี่ยวกับหน้าที่ของสารอาหาร. สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข
    • Dietary Reference Intakes for Thiamin, Riboflavin, Niacin, Vitamin B6, Folate, Vitamin B 12, Pantothenic acid, Biotin and Choline. 12 Choline. The National Academies Press. pages 390-422.  http://www.nal.usda.gov/fnic/DRI//DRI_Thiamin/390-422_150.pdf

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น